หน้าเว็บ

กระทุ่ม



ชื่อสามัญWild cinchona
ชื่อวิทยาศาสตร์: Neonauclea purpurea (Roxb.) Merr. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Anthocephalus chinensis (Lam.) A. Rich. ex Walp.) จัดอยู่ในวงศ์เข็ม (RUBIACEAE) เช่นเดียวกับกระทุ่มนา
สมุนไพรกระทุ่ม มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ: ตะกู (จันทบุรี, นครศรีธรรมราช, สุโขทัย)ตะโกใหญ่ (ตราด)ตุ้มพรายทุ่มพราย (ขอนแก่น)กระทุ่มบกกระทุ่มก้านยาว (กรุงเทพ)ตะโกส้ม (ชัยภูมิ, ชลบุรี)แคแสง (ชลบุรี), โกหว่า (ตรัง)กรองประหยัน (ยะลา)ตุ้มก้านซ้วง ตุ้มก้านยาว ตุ้มเนี่ยง ตุ้มหลวง (ภาคเหนือ)กระทุ่ม (ภาคกลาง, ภาคเหนือ)ตุ้มขี้หมู (ภาคใต้), กว๋าง (ลาว), ปะแด๊ะ เปอแด๊ะ สะพรั่ง (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), ปาแย (มลายู-ปัตตานี) เป็นต้น
ลักษณะของกระทุ่ม

  • ต้นกระทุ่ม จัดเป็นไม้ยืนต้นผลัดใบหรือไม่ผลัดขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ มีความสูงของต้นประมาณ 15-30 เมตร บางครั้งมีพูพอน ลำต้นเปลาตรง แตกกิ่งก้านตั้งฉากกับลำต้น ปลายกิ่งโน้มลง เปลือกลำต้นเป็นสีเทาแก่ แตกเป็นร่องตามยาว มีเขตการกระจายพันธุ์กว้าง โดยสามารถพบได้ตั้งแต่ประเทศเนปาล บังกลาเทศ ศรีลังกา อินเดีย พม่า จีน ภูมิภาคอินโดจีนและมาเลเซีย ไปจนถึงฟิลิปปินส์และปาปัวนิวกินี ส่วนในประเทศไทยสามารถพบได้ทั่วทุกภาค โดยมักจะขึ้นตามป่าเบญจพรรณ ป่าดิบชื้น และป่าดิบแล้ง หรือตามหุบเขาหรือริมลำธารที่ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 500-1,500 เมตร




  • ใบกระทุ่ม ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงตรงข้ามกัน ลักษณะของใบเป็นรูปรี รูปไข่ หรือรูปขอบขนาน ปลายใบมนออกแหลมหรือเป็นติ่งแหลม โคนใบมน กลม หรือเป็นรูปหัวใจ ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 7-17 เซนติเมตรและยาวประมาณ 20 เซนติเมตร แผ่นใบบางและเหนียว หลังใบเรียบเป็นมัน ส่วนท้องใบมีขนสั้นนุ่มหรือบางทีเกลี้ยง มีเส้นแขนงของใบประมาณ 11-20 คู่ ส่วนก้านใบยาวประมาณ 2-4 เซนติเมตร และมีหูใบลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมแคบ ยาวประมาณ 1-2.5 เซนติเมตร



  • ดอกกระทุ่ม ออกดอกที่ปลายกิ่งเป็นช่อกลมกระจุกแน่น มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 4-5 เซนติเมตร ก้านช่อยาวประมาณ 1.5-4 เซนติเมตร ดอกย่อยมีขนาดเล็กอัดกันแน่น ติดบนใบประดับขนาดเล็กประมาณ 1-3 คู่ กลีบเลี้ยงดอกมีลักษณะเป็นหลอดสั้น ยาวประมาณ 0.2 เซนติเมตร ปลายแยกเป็นกลีบ ยาวเท่า ๆ หลอดกลีบ กลีบดอกเป็นสีเหลือง หลอดกลีบยาวประมาณ 0.5-0.7 เซนติเมตร ส่วนกลีบดอกยาวประมาณ 0.2-0.3 เซนติเมตร อับเรณูมีลักษณะเป็นรูปแถบ ยาวประมาณ 0.2 เซนติเมตร รังไข่สูงประมาณ 0.4 เซนติเมตร ก้านเกสรรวมยอดเกสรยาวประมาณ 1.5-2 เซนติเมตร ดอกมีกลีบดอกสีขาว 5 กลีบ โคนกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นรูปหลอด ปลายกลีบหยักแผ่ขยายออกและมีขนนุ่ม ๆ ทางด้านนอก และยังมีกลีบเลี้ยงดอก 5 กลีบ โคนกลีบเชื่อมติดกันเป็นหลอดสั้น ๆ ดอกมีเกสรเพศผู้จำนวน 5 ก้าน ส่วนเกสรเพศเมียยาว



  • ผลกระทุ่ม ผลเป็นผลรวมที่เกิดจากวงกลีบเลี้ยงที่เชื่อมติดกัน หรือผลเป็นกระจุกกลม มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2-4 เซนติเมตร ผลย่อยแยกกัน มีขนาดประมาณ 0.3 เซนติเมตร ผิวขรุขระ อุ้มน้ำ ภายในผลมีเมล็ดขนาดเล็ก

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ประโยชน์และสรรพคุณของต้นกระทุ่ม คลิกที่นี่

แหล่งข้อมูล: หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1.  “กระทุ่ม (Kra Thum)”.  (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์).  หน้า 30.

หนังสือสมุนไพรในอุทยานแห่งชาติภาคกลาง.  “กระทุ่ม”.  (พญ.เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ, รศ.ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, อาจารย์กัญจนา ดีวิเศษ).  หน้า 58.
สำนักงานหอพรรณไม้, สำนักวิจัยการอนุรักษ์ป่าไม้และพันธุ์พืช, กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช.  “กระทุ่ม”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.dnp.go.th/botany/.  [01 ก.พ. 2014].
หนังสืออนุกรมวิธานพืช อักษร ก. ราชบัณฑิตยสถาน.
ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.  “กระทุ่ม”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.phargarden.com.  [01 ก.พ. 2014].
medthai.com."กระทุ่ม สรรพคุณและประโยชน์ของต้นกระทุ่มบก 9 ข้อ !".[ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก https://medthai.com/กระทุ่ม [13/04/2019]

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น