เพชรหึง หรือ ว่านเพชรหึง หรือ กล้วยไม้เพชรหึง
ชื่อสามัญ:Tiger orchid, Leopard flower
ชื่อวิทยาศาสตร์: Grammatophyllum
speciosum Blume
จัดอยู่ในวงศ์กล้วยไม้ (ORCHIDACEAE) และอยู่ในวงศ์ย่อย EPIDENDROIDEAE
กล้วยไม้เพชรหึง มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า
กล้วยกา กะดำพะนาย ตับตาน ว่านหางช้าง ว่านงูเหลือม เอื้องพร้าว เป็นต้น
สามารถพบได้ตามป่าดิบชื้นทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงใต้
และทางภาคใต้
ต้นเพชรหึง
เป็นกล้วยไม้ที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในเขตร้อนของทวีปเอเชียและในหมู่เกาะตอนใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิก
ในประเทศไทยสามารถพบได้ตามธรรมชาติในป่าของจังหวัดพิษณุโลก ฉะเชิงเทรา เลย ชลบุรี
ชุมพร สุราษฎร์ธานี ตรัง และนราธิวาส สาเหตุที่คนไทยส่วนใหญ่เรียกเพชรหึงว่าเป็น
"ว่าน" นั่นเป็นเพราะว่านเพชรหึงมีสรรพคุณเป็นยาสมุนไพร
ส่วนที่มาของชื่อ "เพชรหึง" ในตำรากบิลว่านได้อธิบายว่า
เมื่อดอกเพชรหึงแก่ ก้านดอกจะส่ายไปมาคล้ายกับงูโยกหัว และเมื่อมีพายุใหญ่พัดมา
(พายุลมเพชรหึง) จะมีเสียงคล้ายการจุดประทัด แล้วดอกเพชรหึงจะหายไปพร้อมกับพายุ
จากความเชื่อนี้จึงอธิบายได้ว่าทำไมคนไทยจึงตั้งชื่อกล้วยไม้ชนิดนี้ว่า
"เพชรหึง" นั่นเป็นเพราะว่ามันมีความเกี่ยวข้องกับลมเพชรหึงนั่นเอง
ดังที่ได้มีการอธิบายไว้ในหนังสืออักขราภิธานศรับท์ (พ.ศ.2416 ) ที่กล่าวไว้ว่า
"เพ็ชหึง คือ ชื่อว่านอย่างหนึ่ง เหมือนลมเพ็ชหึงนั้น"
ลักษณะของว่านเพชรหึง
- ต้นว่านเพชรหึง จัดเป็นกล้วยไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นกล้วยไม้ประเภทแตกกอ มีระบบรากอากาศ มักเกาะอาศัยอยู่บนพรรณไม้อื่น อาจมีลำต้นสูงได้ถึง 3 เมตร ลำต้นมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 3-5 เซนติเมตร เมื่อเจริญเต็มที่จะเปลี่ยนจากสีเขียวแกมเหลืองเป็นสีเหลือง ว่านเพชรหึงเป็นกล้วยไม้ที่ชอบแสงแดดค่อนข้างมาก (แต่ไม่จัดมากนัก) ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการแยกหน่อ
- ใบว่านเพชรหึง ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับกันบนลำต้น ลักษณะเป็นรูปเส้นยาวและแคบ เป็นรูปแถบ ใบมีความกว้างประมาณ 3-4 เซนติเมตรและยาวประมาณ 30-60 เซนติเมตร แผ่นใบเหนียวคล้ายแผ่นหนัง เรียงตัวในระนาบเดียวกัน ใบอ่อนจะโค้งลงด้านล่าง เมื่อแก่จัดจะร่วงหลุดไปจากลำต้น ทิ้งรอยแผลไว้เป็นระยะ ๆ ซึ่งมองดูคล้ายข้อบนลำต้น
- ดอกว่านเพชรหึง ออกดอกเป็นช่อขนาดใหญ่บริเวณยอดครั้งละ 2-3 ช่อ โดยดอกจะทยอยบานติดต่อกันประมาณ 3 เดือน โดยช่อดอกจะมีทั้งแบบเป็นช่อห้อยและช่อตั้ง ช่อดอกมักโค้งลงและอาจยาวได้ถึง 2 เมตร ส่วนก้านดอกจะยาวประมาณ 15-30 เซนติเมตร แต่ละช่อมีดอกย่อยเป็นจำนวนมาก (75-125 ดอก) ดอกย่อยมีกลีบดอก 5 กลีบ กลีบดอกย่อยจะมีขนาดใหญ่และหนา เมื่อบานเต็มที่จะมีขนาดกว้างประมาณ 6-8 เซนติเมตร โดยกลีบเลี้ยงและกลีบดอกพื้นมีสีเหลืองหม่นหรือเหลืองอมเขียวและมีจุดประสีน้ำตาลแกมม่วงกระจายอยู่ทั่วกลีบคล้ายกับลายเสือ กลีบปากจะเล็กกว่ากลีบอื่น ๆ และแผ่นกลีบจะแยกเป็นสามแฉก ส่วนกลางกลีบมีสันนูน 3 สัน หูกลีบเป็นปากตั้งโค้งขึ้น ดอกมีเกสรตัวผู้ 3 ก้าน มีเกสรตัวเมีย 1 ก้าน และมีรังไข่ 3 ห้อง และจะออกดอกในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงเดือนตุลาคมของทุกปี แต่จะต้องมีอายุตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไปถึงจะออกดอกให้ชมได้อย่างสวยงาม
- ผลว่านเพชรหึง ผลมีพู 3 พู รูปร่างยาว ผลเมื่อแก่แห้งจะแตกออกเป็นกลีบ 3 กลีบ ภายในผลมีเมล็ดสีดำขนาดเล็กอยู่เป็นจำนวนมาก และจะปลิวไปตามลม
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประโยชน์และสรรพคุณของต้นเพชรหึง คลิกที่นี้
แหล่งอ้างอิง
- อุทยานธรรมชาติวิทยาสิรีรุกขชาติ คณะเภสัชศาสตร์
มหาวิทยาลัยมหิดล.
"ว่านเพชรหึง".
[ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.pharmacy.mahidol.ac.th. [6 ธ.ค. 2013].
- .ฐานข้อมูลพรรณไม้ องค์การสวนพฤกษศาสตร์. "ว่านเพชรหึง". [ออนไลน์].
เข้าถึงได้จาก: www.qsbg.org. [6 ธ.ค. 2013].
- ๑๐๘ พรรณไม้ไทย.
"ว่านเพชรหึง".
[ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.panmai.com. [6 ธ.ค. 2013].
- ผู้จัดการออนไลน์.
"เชิญชมว่านเพชรหึง กล้วยไม้ใหญ่ที่สุดในโลกออกดอกสะพรั่งแค่ปีละ 3
เดือน". [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.manager.co.th. [6 ธ.ค. 2013].
- มูลนิธิหมอชาวบ้าน. นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่ 364 คอลัมน์: ต้นไม้ใบหญ้า. "เพชรหึง กล้วยไม้ยักษ์ที่คนไทยเรียกว่าว่าน". (เดชา ศิริภัทร). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.doctor.or.th. [6 ธ.ค. 2013].
- medthai.com. “เพชรหึง สรรพคุณและประโยชน์ของว่านเพชรหึง 8 ข้อ ! (กล้วยไม้เพชรหึง)”. [ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก https://medthai.com/ว่านเพชรหึง/ [09/04/2019]
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น