หน้าเว็บ

หนอนตายหยาก


โดยสามารถแบ่งออกได้ 2 ชนิด คือ หนอนตายหยากเล็ก และหนอนตายหยากใหญ่
ชื่อวิทยาศาสตร์: Stemona tuberosa Lour. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Roxburghia gloriosa Pers., Roxburghia gloriosoides Roxb., Roxburghia viridiflora Sm.) 
ชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ : กะเพียด (ชลบุรี, ประจวบคีรีขันธ์), ป้งสามสิบ (คนเมือง), โปร่งมดง่าม ปงมดง่าม (เชียงใหม่), หนอนตายยาก (ลำปาง), หนอนตายหยาก (แม่ฮ่องสอน), กะเพียดหนู, สลอดเชียงคำ (อีสานโบราณ) เป็นต้น 
ส่วนข้อมูลจากหนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ระบุว่ายังมีหนอนตายหยากเล็กอีกชนิด ซึ่งมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Stemona japonica Blume Miq. และมีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า หนอนตายหยากเล็ก, โป่งมดง่าม, ป่ายปู้, ตุ้ยเย่ป่ายปู้ (จีนกลาง) ซึ่งตามตำราระบุไว้ว่าสามารถนำมาใช้แทนกันได้
หนอนตายหยากใหญ่ มีชื่อวิทยาศาสตร์ Stemona collinsiae Craib และมีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า หนอนตายหยาก, กะเพียดช้าง, ปงช้าง เป็นต้น

ลักษณะของหนอนตายหยากเล็ก

  • ต้นหนอนตายหยาก จัดเป็นพรรณไม้ล้มลุก กึ่งเถาเลื้อยพัน มักเลื้อยพันกับต้นไม้อื่น ยาวได้ถึง 10 เมตร และมีความสูงได้ประมาณ 40-60 เซนติเมตร เถามีลักษณะกลม สีเขียว กิ่งที่กำลังจะออกดอกมักจะเลื้อยพัน มีรากเป็นเหง้าหรือหัวอยู่ใต้ดินลักษณะคล้ายกระชาย เป็นรูปกระสวย ออกเป็นกระจุก เนื้ออ่อนนิ่มมีสีเหลืองขาว ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ดและการใช้เหง้าปักชำ




  • ใบหนอนตายหยาก ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงเวียนสลับบริเวณใกล้กับโคนต้น และเรียงเป็นคู่ตรงกันข้ามบริเวณกลางต้นหรือยอด ลักษณะของใบเป็นรูปหัวใจ ปลายใบเรียวแหลม โคนใบเว้า ส่วนขอบใบเรียบหรือบิดเป็นคลื่นเล็กน้อย ใบมีขนาดกว้างประมาณ 3-14 เซนติเมตร และยาวประมาณ 9-20 เซนติเมตร แผ่นใบเป็นคลื่น เส้นใบแตกออกจาโคนใบขนานกันไปด้านด้านปลายใบประมาณ 9-13 เส้น ก้านใบยาวประมาณ 1.5-7 เซนติเมตร ไม่มีหูใบและกาบใบ



  • ดอกหนอนตายหยาก ดอกเป็นดอกแบบสมบูรณ์เพศออกดอกเดี่ยวหรือออกเป็นช่อกระจะประมาณ 2-6 ดอก โดยจะออกตามซอกใบ ก้านช่อดอกยาวประมาณ 2-8 เซนติเมตร ใบประดับยาว 0.5-1.5 เซนติเมตร ส่วนก้านดอกยาวประมาณ 0.5-3 เซนติเมตร กลีบรวมมี 4 กลีบ เรียงตัวเป็น 2 ชั้น ชั้นละ 2 กลีบ กลีบเป็นรูปแถบยาวปลายแหลม มีขนาดกว้างประมาณ 0.4-1 เซนติเมตร และยาวประมาณ 2.5-4 เซนติเมตร กลีบชั้นนอกเป็นสีเขียวหรือสีเขียวอ่อนอมเหลือง มีลายเส้นสีเขียวแก่หรือม่วงเป็นลายประ ส่วนกลีบชั้นในเป็นสีน้ำตาลหรือสีน้ำตาลอมแดง มีลายเส้นประสีแดง ดอกมีเกสรเพศผู้ 4 อัน ยาวประมาณ 2.5-4 เซนติเมตร ก้านเกสรสั้น อับเรณูเป็นสีม่วงยาวประมาณ 0.8-1.5 เซนติเมตร ปลายมีจะงอยยาวประมาณ 5-12 มิลลิเมตร ส่วนรังไข่จะอยู่เหนือฐานวงกลีบรวม ไม่มีก้านเกสร



  • ผลหนอนตายหยาก ออกผลเป็นฝักห้อยลงเป็นพวง ปลายฝักแหลม ฝักมีขนาดกว้างประมาณ 1.5-3 เซนติเมตร และยาวประมาณ 4-7 เซนติเมตร เมื่อแห้งแล้วจะแตกออกเป็น 2 ซีก ภายในมีเมล็ดอยู่หลายเมล็ด ประมาณ 10-20 เมล็ด เมล็ดยาวประมาณ 1-1.7 เซนติเมตร มีปลายเรียวแหลมยาวประมาณ 4 มิลลิเมตร มีก้านเมล็ดยาวประมาณ 8 มิลิลเมตร มีเยื่อหุ้มที่โคนของเมล็ด


ลักษณะของหนอนตายหยากใหญ่
ต้นหนอนตายหยากใหญ่ จัดเป็นพรรณไม้ล้มลุกมีอายุได้หลายปี มีลำต้นตั้งตรง สูงได้ประมาณ 20-40 เซนติเมตร แตกกิ่งก้านจำนวนมาก มีรากอยู่ใต้ดินจำนวนมาก รากเป็นแบบรากกลุ่มอยู่กันพวง ลักษณะคล้ายนิ้วมือ รากเป็นสีเหลืองอ่อนอวบน้ำ ยาวประมาณ 10-30 เซนติเมตร ขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ด เมื่อถึงฤดูแล้งต้นเหนือดินจะโทรมหมดเหลือแต่รากใต้ดิน เมื่อเข้าสู่ฤดูฝนใบจึงจะงอกออกมาพร้อมกับออกดอก พบได้ตามป่าดิบแล้ง ป่าดงดิบเขา และป่าเบญจพรรณทั่วไป



ใบหนอนตายหยากใหญ่ ใบเป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับ ลักษณะของใบเป็นรูปหัวใจ ปลายใบแหลม โคนใบเว้าเป็นรูปหัวใจ ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 6-10 เซนติเมตร และยาวประมาณ 9-15 เซนติเมตร ผิวใบเกลี้ยงทั้งสองด้าน มีเส้นใบประมาณ 10-15 เส้น ขนานกัน ระหว่างเส้นแขนงใบมีเส้นใบย่อยมาตัดขวาง ก้านใบนั้นยาวประมาณ 5-9 เซนติเมตร ส่วนโคนพองเป็นกระเปาะ


ดอกหนอนตายหยากใหญ่ ออกดอกเป็นช่อ โดยจะออกตามซอกใบ ใบประดับมีลักษณะเป็นรูปขอบขนานปลายมน กว้างประมาณ 0.25-0.3 เซนติเมตร และยาวประมาณ 1.1-1.2 เซนติเมตร ก้านดอกย่อยยาวประมาณ 2-3 เซนติเมตร ส่วนกลีบดอกมี 4 กลีบ กลีบดอกเป็นสีเหลืองแกมชมพู มีขนาดไม่เท่ากันเรียงเป็น 2 ชั้น ชั้นนอกมี 2 อัน ลักษณะเป็นรูปขอบขนานปลายแหลม กว้างประมาณ 0.4-0.5 เซนติเมตร และยาวประมาณ 1.9-2 เซนติเมตร มีเส้นแขนงประมาณ 9-11 เส้น ส่วนชั้นนอกมี 2 อัน ลักษณะเป็นรูปไข่ปลายแหลม กว้างประมาณ 0.6-0.7 เซนติเมตร และยาวประมาณ 1.8-1.9 เซนติเมตร มีเส้นแขนงประมาณ 13-15 เส้น ดอกมีเกสรเพศผู้ 4 อัน ขนาดเท่ากัน ลักษณะเป็นรูปขอบขนาน ปลายแหลม โคนเป็นรูปหัวใจขอบเรียบ กว้างประมาณ 0.2-0.3 เซนติเมตร และยาวประมาณ 1.5-1.6 เซนติเมตร ส่วนเกสรเพศเมีย มีรังไข่เหนือวงกลีบ รูปไข่ยาวประมาณ 0.3-0.4 เซนติเมตร และปลายเกสรเพศเมียมีขนาดเล็ก

ผลหนอนตายหยากใหญ่ ผลค่อนข้างแข็งเป็นสีน้ำตาลและมีขนาดเล็ก

ข้อสังเกต : ความแตกต่างระหว่างหนอนตายหยากเล็กและใหญ่คือ ลักษณะของใบหนอนตายหยากเล็กจะเป็นรูปหัวใจทรงกลม ส่วนใบของหนอนตายหยากจะเป็นรูปหัวใจทรงยาว และหนอนตายหยากใหญ่จะมีกลีบดอกใหญ่กว่า รากอวบใหญ่กว่าหนอนตายหยากเล็ก

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ประโยชน์และสรรพคุณของต้นหนอนตายหยาก คลิกที่นี่
แหล้งอ้างอิง : หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1.  (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์).  “หนอนตายหยาก (Non Tai Yak)”.  หน้า 323.

หนังสือสมุนไพรสวนสิรีรุกขชาติ.  (คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล).  “หนอนตายหยาก”.  หน้า 193.
หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย.  (วิทยา บุญวรพัฒน์).  “หนอนตายหยาก”.  หน้า 608.
สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด, สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี.  “หนอนตายหยาก”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.rspg.or.th/plants_data/herbs/. [14 ก.ค. 2014].
ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.  “หนอนตายหยาก”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.phargarden.com.  [14 ก.ค. 2014].
สำนักคุ้มครองภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร.  “ข้อมูลของหนอนตายหยาก”.
กรมวิชาการเกษตร.  “หนอนตายหยาก”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: it.doa.go.th/vichakan/.  [14 ก.ค. 2014].
โครงการเผยแพร่ข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพื้นที่สูง, สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์กรมหาชน).  “หนอนตายหยาก”.  อ้างอิงใน: หนังสือชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย (เต็ม สมิตินันทน์), หนังสือองค์ความรู้เรื่องพืชป่าที่ใช้ประโยชน์ทางภาคเหนือของไทย เล่ม 3 (สุธรรม อารีกุล, จำรัส อินทร, สุวรรณ ทาเขียว, อ่องเต็ง นันทแก้ว).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: eherb.hrdi.or.th. [14 ก.ค. 2014].
หน่วยบริการฐานข้อมูลสมุนไพร สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.  “รากของว่านหนอนตายหยาก”.  เข้าถึงได้จาก: www.medplant.mahidol.ac.th.  [14 ก.ค. 2014].

medthai.com."หนอนตายหยาก สรรพคุณประโยชน์ของต้นหนอนตายหยาก 29 ข้อ!".[ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก https://medthai.com/หนอนตายหยาก [09/04/2019]

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น