ชื่อสามัญ : Cowslip
creeper
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Telosma
cordata (Burm. f.) Merr. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Telosma
minor (Andrews) W. G. Craib) จัดอยู่ในวงศ์ตีนเป็ด (APOCYNACEAE)
และอยู่ในวงศ์ย่อยนมตำเลีย (ASCLEPIADOIDEAE -
ASCLEPIADACEAE)
ผักขจร มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า สลิด ขจร
(ภาคกลาง), ผักสลิด (นครราชสีมา), กะจอน, ขะจอน, สลิดป่า,
ผักสลิดคาเลา, ผักขิก เป็นต้น
ลักษณะของขจร
ต้นขจร หรือ ต้นสลิด
มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีนและอินเดีย โดยจัดเป็นไม้เถาเลื้อยพาดพันกับต้นไม้ชนิดอื่น
สามารถเลื้อยพันไปได้ไกลประมาณ 2-5 เมตร เถามีขนาดเล็ก
ลักษณะกลมเหนียวมากและเป็นสีเขียว เมื่อแก่เถาขจรจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล
ตามยอดอ่อนมีขนสีขาวขึ้นปกคลุม แตกใบเป็นพุ่มแน่นและทึบ
ทำให้บางครั้งพุ่มของของต้นขจรจะแผ่ปกคลุมต้นไม้อื่นได้มิดเลยทีเดียว
ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการปักชำและวิธีการเพาะเมล็ด เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนซุย
ชอบแสงแดดจัด สามารถพบได้ทั่วทุกภาคของประเทศไทย โดยจะขึ้นได้ตามป่าดิบแล้ง
ป่าเบญจพรรณ ป่าละเมาะ ป่าเต็งรัง
ใบขจร หรือ ใบสลิด
ใบเป็นใบเดี่ยว ออกตรงข้ามกันเป็นคู่ ลักษณะของใบเป็นรูปหัวใจ
คล้ายใบโพธิ์หรือใบพลู ปลายใบเรียวแหลมยาวเป็นติ่ง (คล้ายใบต้นข้าวสาร)
โคนใบมนเว้า ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 4-7.5 เซนติเมตร และยาวประมาณ
6-11 เซนติเมตร หลังใบและท้องใบเรียบ แผ่นใบบาง เกลี้ยง ไม่มีจัก จะเห็นเส้นใบชัด
หน้าใบเป็นคลื่นเล็กน้อย ใบเป็นสีเขียวอมสีแดงเล็กน้อย ส่วนก้านใบยาวประมาณ 1.2-2
เซนติเมตร
ดอกขจร หรือ ดอกสลิด
ออกดอกเป็นช่อแบบกระจุกตามหรือออกเป็นพวง ๆ คล้ายพวงอุบะตามซอกใบหรือโคนก้านใบ
โดยในช่อดอกหนึ่ง ๆ จะมีดอกย่อยอยู่ประมาณ 10-20 ดอก
ดอกย่อยมีลักษณะแข็งเป็นสีเขียวอมสีเหลือง ดอกมีกลิ่นหอม
(หอมแรงกว่าดอกชำมะนาดหรือกลิ่นของใบเตย โดยจะหอมมากในช่วงเย็นถึงกลางคืน)
มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางดอกประมาณ 1.5 เซนติเมตร กลีบดอกมี 5 กลีบ
ส่วนโคนกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอดสั้น ๆ กลีบดอกย่นและบิด ปลายแยกเป็นแฉกแหลม 5
แฉก ดอกมีเกสรเพศผู้ 5 ก้าน ติดอยู่บนหลอดกลีบดอก เชื่อมติดกันเองและเชื่อมติดกับยอดเกสรเพศเมีย
แล้วจะเปลี่ยนรูปร่างไปเป็นชั้นกระบังรอบ
ล้อมรอบก้านยอดเกสเพศเมียและเกสรเพศเมียเอาไว้ และมีชุดกลุ่มเรณูอยู่ 5 ชุด
ซึ่งมีลักษณะการเกิดคล้ายกับในดอกรัก เกสรเพศเมียจะมีรังไข่ 2 อัน
แต่มีก้านยอดเกสรเพศเมียและยอดเกสรเพศเมียร่วมกัน ส่วนกลีบเลี้ยงดอกเป็นสีเขียว มี
5 กลีบ แยกจากกันเป็นอิสระ โดยจะออกดอกในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม
บ้างว่าจะออกดอกในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงเดือนตุลาคม
ผลขจร หรือ ฝักขจร ผลมีลักษณะเป็นฝักกลมยาวปลายแหลม
(คล้ายฝักนุ่นที่ยังเล็ก) ผิวผลเรียบ ผลเป็นสีเขียว เมื่อแก่แล้วจะแตกออกตะเข็บเดียว
ภายในผลหรือฝักมีเมล็ดลักษณะแบนจำนวนมาก และมีปุยสีขาวติดอยู่ที่ปลายเมล็ด
เมล็ดปลิวว่อนคล้ายกับนุ่นที่มีเมล็ดเกาะติดกับใยสีขาว
โดยจะออกผลในช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสรรพคุณและประโยชน์ของขจร คลิกที่นี่
แหล่งข้อมูล :
1. หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1. “ขจร (Kha Chon)”. (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์). หน้า 56.
2. ผักพื้นบ้านในประเทศไทย
กรมส่งเสริมการเกษตร. “ขจร”. [ออนไลน์].
เข้าถึงได้จาก: ftp://smc.ssk.ac.th/intranet/Research_AntioxidativeThaiVegetable/. [07 ก.พ. 2014].
3. บทความวิทยุรายการสาระความรู้ทางการเกษตร
งานศูนย์บริการวิชาการและฝึกอบรม ฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 4. วิทยาเขตหาดใหญ่. “ขนุนและขจร”.
(ดวงจันทร์ เกรียงสุวรรณ).
[ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: natres.psu.ac.th. [07 ก.พ. 2014].
5. กรุ่นกลิ่นดอกไม้ในโคราช, มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา.
“ขจร”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.nrru.ac.th. [07 ก.พ. 2014].
6. สถานบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย
(วว.). “ขจร”.
7. หน่วยปฏิบัติการวิจัยพรรณไม้ประเทศไทย
ภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. “สลิด ขจร (Telosma monor Craib)”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.sc.chula.ac.th/thaiplants/. [07 ก.พ. 2014].
8. เดอะแดนดอทคอม. “ดอกขจร”.
[ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.the-than.com. [07 ก.พ. 2014].
9. Tree2go. “ขจร Telosma minor Craib อร่อย”. [ออนไลน์].
เข้าถึงได้จาก: www.tree2go.com.
[07 ก.พ. 2014].
10. มติชนออนไลน์. “ดอกขจร”.
(จอม ณ คลองลึก). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.matichon.co.th. [07 ก.พ. 2014].
11. Medthai.co “ขจร
สรรพคุณและประโยชน์ของดอกขจร 24 ข้อ ! (ผักสลิด, ดอกสลิด)” [ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก https://medthai.com/ขจร/ [18/04/2019]
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น