ข้อมูลทางพฤษศาสตร์
อาณาจักร : Plantae
อันดับ : Ericales
วงศ์ : Myrsinaceae
สกุล : Lysimachia L.
สปีชีส์ : Lysimachia nemorum
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Artemisia lactiflora Wall
ชื่อสามัญ : White mugwort
ลักษณะของจิงจูฉ่าย
“จิงจูฉ่าย” หรือ “โกศจุฬาลัมพา” หรือที่ชาวต่างชาตินิยมเรียกว่า “เซเลอรี” (Celery) อยู่ในวงศ์ Asteraceae เป็นพืชล้มลุกไม้พุ่มขนาดเล็ก สูงประมาณ 0.5 – 1 ฟุต ใบเป็นรูปรีขอบเป็นแฉกๆ 5 แฉกสีเขียว เนื้อใบหนา คล้ายต้นขึ้นฉ่าย รากหรือเหง้าใหญ่จะกระจายเป็นวงกว้าง แตกกิ่งก้านหนาแน่นเป็นกอคล้ายๆ ใบบัวบก จะมีกลิ่นหอม รสชาติขมเล็กน้อย สามารถขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดได้ เจริญงอกงามได้ดีในที่แสงแดดรำไร ปลูกได้ดีในอากาศเย็นมากกว่าอากาศร้อน โดยทางการแพทย์เชื่อว่าจิงจูฉ่ายนั้นเป็นยาเย็น ชาวจีนจึงนิยมนำมาปรุงเป็นอาหารรับประทานในหน้าหนาวเพื่อปรับสมดุลภายในร่างกายนั่นเอง
จิงจูฉ่ายนั้นเป็นพืชผักของจีนชนิดหนึ่ง
นิยมนำไปทำเป็นอาหารรับประทานในประเภทแกงจืดทั้งหลาย หรือผัดผัก
แต่โดยส่วนใหญ่จะใส่ในต้มเลือดหมูเพื่อช่วยดับกลิ่นคาว
และมีสรรพคุณทางสมุนไพรเป็นที่นิยมของชาวจีนเป็นอย่างมาก
เพราะชาวจีนเปรียบจิงจูฉ่ายเป็นหยิน (ยาเย็น) มีกลิ่นน้ำมันหอมระเหยในใบและลำต้น
เมื่อนำไปต้มร้อนๆ หรือกินแบบสดๆ ในผักนั้นจะมีสารไลโมนีน ซิลนีน และกลัยโคไซด์
ชื่อ อะปิอิน ที่ช่วยปรับสมดุลความดันเลือดในร่างกาย
และช่วยขับลมในกระเพาะอาหารได้ดี
อีกทั้งลำต้นสดและเมล็ดนั้นมีปริมาณโซเดียมต่ำผู้เป็นโรคไตจึงรับประทานได้ดี
ประโยชน์และสรรพคุณของจิงจูฉ่าย
จิงจูฉ่ายนั้นมีประโยชน์มากมายนอกจากช่วยปรับสมดุลและขับลมภายในร่างกายได้อย่างดีเยี่ยมแล้ว
ที่น่าอัศจรรย์ก็คือสามารถนำมาใช้ในการรักษาโรคมะเร็งได้โดยการนำใบจิงจูฉ่ายมาประมาณ
1 กำมือ แล้วปั่นหรือตำคั้นน้ำออกมารับประทานเช้า-เย็น 1 – 2 ครั้งต่อวัน
ในช่วงก่อนรับประทานอาหารสัก 1 ชั่วโมง ติดต่อกันเป็นเวลา 2 – 3 เดือน
ก็สามารถต้านทานต่อเซลล์มะเร็งได้
แต่ในหญิงที่กำลังตั้งครรภ์อยู่นั้นควรหลีกเลี่ยงการรับประทานจิงจูฉ่ายเนื่องจากอาจทำให้แท้งลูกได้
เมื่อเปรียบเทียบผลมะนาวกับผักอย่างจิงจูฉ่ายปรากฏว่าพบปริมาณวิตามินซีในจิงจูฉ่ายมากกว่าในมะนาวถึง
58 เท่าเลยทีเดียว และให้สรรพคุณทางยาสูง อีกทั้งมีวิตามินและเกลือแร่ต่างๆ อาทิ
โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต กากใยอาหาร เหล็ก แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินซีสูง
วิตามินเอ วิตามินอี และวิตามินบี 6 เป็นต้น
รวมทั้งผ่านการพิสูจน์แล้วว่าสามารถรักษาไข้มาลาเรียซึ่งคล้ายๆ กับเซลล์ของมะเร็ง
คือจะมีประมาณธาตุเหล็กสูงกว่าเซลล์ปกติประมาณ 5 – 1,000 เท่า ซึ่งการทานใบสดจะได้ผลดีกว่าผ่านกระบวนความร้อน
สรรพคุณจิงจูฉ่าย
จิงจูฉ่าย เป็น สมุนไพร บำรุงร่างกาย เพราะ มี สรรพคุณบำรุงระบบต่างๆ
ภายในร่างกาย เพราะ มีวิตามินซี สูง โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต กากใยอาหาร เหล็ก
แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินซีสูง วิตามินเอ วิตามินอี และ วิตามินบี 6 และ สารสำคัญต่างๆ
ที่จำเป็น ร่างกายสามารถนำไปใช้ประโยชน์ ต่อ ระบบภายในเซลล์ต่างๆ
- มีสารต้านมะเร็ง มีงานวิจัย ยืนยันว่าการดื่มน้ำ จิงจูฉ่าย ทุกวัน ก่อนอาหาร วันละ 2 ครั้ง สามารถ ลดการเกิดมะเร็งได้ดี
- บำรุงเลือด โดยเฉพาะ สตรีที่กำลังมีประจำเดือน ลดการเสียเลือด ทำให้ผลิตเลือดทดแทนการสูญเสียได้ดี
- รักษาโรคความดันโลหิตสูง ให้ความดันกลับมาปกติได้
- รักษาโรคกระเพาะอาหาร และ ลำไส้อักเสบได้ดี
- รักษาโรคเกี่ยวกับปอด โดยเฉพาะการติดเชื้อที่ปอด หรือ ปอดบวม ในฤดูหนาวนั่นเอง
- ช่วยฟอกเลือด ในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง
- รักษาโรคผิวหนัง ที่เกิดจากการได้รับพิษ แก้ผื่น แก้ตุ่มคัน
- รักษาโรคมาลาเรียได้ แก้พิษที่เกิดจากการติดเชื้อไข้มาลาเรีย
เอกสารอ้างอิง
- เกร็ดความรู้.net “จิงจูฉ่าย…ต้านมะเร็งได้จริง?
ประโยชน์และสรรพคุณของจิงจูฉ่าย”. [ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก https://www.เกร็ดความรู้.net/จิงจูฉ่าย/ว่านเพชรหึง/ [20/04/2019]
- lungwee.com. “จิงจูฉ่าย สมุนไพร สรรพคุณ ต้านมะเร็ง บำรุงธาตุเย็น”. [ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก https://lungwee.com/จิงจูฉ่าย / [20/04/2019]
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น