หน้าเว็บ

ตะคร้ำ


ตะคร้ำ
ตะคร้ำ


 ชื่อวิทยาศาสตร์ Garuga pinnata Roxb. จัดอยู่ในวงศ์มะแฟน (BURSERACEAE)
ชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า อ้อยน้ำ (จันทบุรี), กะตีบ แขกเต้า ค้ำ หวีด (ภาคเหนือ), คร้ำ ตำคร้ำ (ไทย), เก๊าค้ำ ไม้หวิด ไม้ค้ำ (คนเมือง), ไม้ค้ำ (ไทใหญ่), ปีซะออง ปิชะยอง (กะเหรี่ยง-จันทบุรี), กระโหม๊ะ (ขมุ), ลำคร้ำ ลำเมาะ (ลั้วะ), เจี้ยนต้องแหงง (เมี่ยน) เป็นต้น
ลักษณะของตะคร้ำ
ต้นตะคร้ำ จัดเป็นพรรณไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดกลาง ลำต้นเปลาตรง มีความสูงได้ประมาณ 10-20 เมตร เมื่อโตวัดรอบ 100-200 เซนติเมตร แตกกิ่งก้านสาขารอบ ๆ เรือนยอดของต้น โคนต้นเป็นพูพอน ตามกิ่งอ่อนและก้านช่อดอกมีขนสีเทาขึ้นปกคลุมกระจายอยู่ทั่วไป และมีรอยแผลใบปรากฏอยู่ตามกิ่ง เปลือกต้นเป็นสีเทาหรือสีน้ำตาลปนเทาแตกเป็นสะเก็ดหรือเป็นหลุมตื้น ๆ ทั่วไป ส่วนเปลือกด้านในเป็นสีนวล มีทางสีชมพูสลับ และมียางสีชมพูปนแดงไหลออกเมื่อสับดู โดยยางนี้หากทิ้งไว้นาน ๆ จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองคล้ำ ส่วนกระพี้จะเป็นสีชมพูอ่อน ๆ และมีแก่นเป็นสีน้ำตาลแดง ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ด เป็นไม้กลางแจ้ง ในประเทศไทยพบขึ้นตามที่ราบตามป่าโปร่ง ป่าผลัดใบ ป่าดิบแล้งในที่ค่อนข้างราบและใกล้ลำห้วยทั่วไป ป่าดิบเขา และตามป่าเบญจพรรณชื้น ที่ความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 50-800 เมตร ส่วนในต่างประเทศพบได้ที่ประเทศอินเดีย พม่า ลาว กัมพูชา เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เปลือกต้นตะคร้ำ
ใบตะคร้ำ ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ ออกเรียงเวียนสลับเป็นกระจุกบริเวณปลายกิ่ง ก้านช่อหนึ่งจะมีใบย่อยประมาณ 7-13 ใบ ออกเรียงตรงข้ามหรือทแยงกันเล็กน้อย และยาวประมาณ 10-12 นิ้ว ตรงปลายก้านจะมีใบเพียงใบเดียว ลักษณะของใบเป็นรูปมนรีหรือรูปวงรีแกมขอบขนาน ปลายใบสอบหรือหยักเป็นติ่งแหลม โคนใบแหลมหรือมนเบี้ยว ขอบใบหยักเป็นฟันเลื่อย ใบมีขนาดกว้างประมาณ 2-4 เซนติเมตร และยาวประมาณ 3-10 เซนติเมตร แผ่นใบเป็นสีเขียว มีเส้นแขนงใบประมาณ 10-12 คู่ ใบอ่อนมีขนขึ้นปกคลุม ส่วนใบแก่จะเกลี้ยงหรือเกือบเกลี้ยง ก้านใบสั้นมาก ใบแก่จะร่วงก่อนการผลิดอก และจะเริ่มผลิใบใหม่เมื่อดอกเริ่มบาน
ใบตะคร้ำ
ดอกตะคร้ำ ออกดอกเป็นช่อใหญ่บริเวณปลายกิ่งหรือส่วนยอดของต้น ช่อดอกยาวประมาณ 6 นิ้ว ดอกย่อยมีจำนวนมาก เป็นดอกแบบสมบูรณ์ ลักษณะของดอกเป็นรูประฆัง กลีบรองกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นรูปถ้วย ปลายแยกเป็น 5 แฉก ลักษณะของกลีบรองกลีบดอกเป็นรูปสามเหลี่ยม ขนาดประมาณ 1.5-2.5 มิลลิเมตร ส่วนกลีบดอกเป็นสีครีม สีเหลือง สีเหลืองอ่อน หรือสีชมพู มี 5 กลีบ ออกเรียงสลับกับกลีบเลี้ยง ลักษณะเป็นรูปขอบขนานแกมรูปหอก ยาวประมาณ 2.5-3.5 มิลลิเมตร มีขน ดอกมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ มีเกสรเพศผู้ 10 อัน เกสรเพศเมีย 1 อัน ยาวประมาณ 5-7 มิลลิเมตร รังไข่มี 5 ช่อง แต่ละช่องจะมีไข่อ่อน 2 ใบ ปลายหลอดท่อรังไข่มี 5 แฉก ก่อนจะออกดอกจะผลัดใบหมด โดยจะออกดอกในช่วงประมาณเดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคม
ดอกตะคร้ำ
ผลตะคร้ำ ผลเป็นผลสด ลักษณะของผลเป็นรูปทรงกลม อวบน้ำ มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1-2 เซนติเมตร มีเมล็ดอยู่ภายใน สีเขียวอมเหลือง เมื่อแก่จัดจะเปลี่ยนเป็นสีดำ ผลมีเนื้อนุ่มแต่ภายในมีผิวแข็งหุ้ม จะเป็นผลในช่วงประมาณเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมีนาคม
ผลตะคร้ำ


สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ประโยชน์และสรรพคุณของต้นตะคร้ำ คลิกที่นี่

เอกสารอ้างอิง
1.หนังสือสมุนไพรพื้นบ้านล้านนา.  (ภาควิชาเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล).  “ตะคร้ำ”.  หน้า 115.
2.หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5.  (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม).  “ตำคร้ำ”.  หน้า 303-304.
3.สวนพฤกษศาสตร์ ตามพระราชเสาวนีย์ฯ, กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช.  “ตะคร้ำ”. [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.dnp.go.th/pattani_botany/.  [21 ธ.ค. 2014].
4.โครงการเผยแพร่ข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพื้นที่สูง, สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์กรมหาชน).  “ตะคร้ำ, หวีด”.  อ้างอิงใน : หนังสือชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย (เต็ม สมิตินันทน์), หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 6.  (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม), หนังสือพืชสมุนไพรในสวนป่าสมุนไพรเขาหินซ้อน ฉบับสมบูรณ์ (พงษ์ศักดิ์ พลเสนา).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : eherb.hrdi.or.th.  [21 ธ.ค. 2014].
5.ฐานข้อมูลพรรณไม้ องค์การสวนพฤกษศาสตร์, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม.  “ตะคร้ำ”.  อ้างอิงใน : หนังสือไม้ต้นในสวน Tree in the Garden.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.qsbg.org.  [21 ธ.ค. 2014].
6.medthai.com. “ตะคร้ำ สรรพคุณและประโยชน์ของต้นตะคร้ำ 16 ข้อ [ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก https://medthai.com/ตะคร้ำ/ [11/04/2019
ภาพประกอบ : www.flickr.com (by Dinesh Valke, Shubhada Nikharge, Vijayasankar Raman)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น