เสี้ยวป่า
ชื่อสามัญ Orchid Tree,
Purple Bauhinia
ชื่อวิทยาศาสตร์ Bauhinia
saccocalyx Pierre จัดอยู่ในวงศ์ถั่ว (FABACEAE หรือ LEGUMINOSAE) และอยู่ในวงศ์ย่อยราชพฤกษ์
(CAESALPINIOIDEAE หรือ CAESALPINIACEAE)
ชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ส้มเสี้ยวโพะ เสี้ยวดอกขาว (เลย), ส้มเสี้ยว (นครสวรรค์, อุดรธานี), คิงโค (นครราชสีมา), ชงโค
(นครราชสีมา, สุพรรณบุรี, อุทัยธานี, จันทบุรี), ชงโคป่า
เป็นต้น
ลักษณะของเสี้ยวป่า
ต้นเสี้ยวป่า
จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก มีความสูงของต้นได้ประมาณ 10 เมตร ทรงพุ่มกลมเตี้ย
แตกกิ่งก้านเป็นพุ่มเตี้ย ลำต้นขรุขระ เปลือกลำต้นเป็นสีเทาปนสีน้ำตาล
แตกเป็นร่องยาวตื้นและลึกตามลำต้น บางครั้งร่อนเป็นแผ่นบาง[1] กิ่งก้านคดงอ
แตกออกจากลำต้นอย่างไม่เป็นระเบียบ เนื้อไม้เปราะและหักง่าย ลายไม้ไม่เป็นระเบียบ
การขยายพันธุ์ของเสี้ยวป่าโดยมากแล้วมักจะงอกต้นใหม่ขึ้นมาจากรากที่กระจายไปตามพื้นดินรอบ
ๆ ต้นมากกว่าการงอกจากเมล็ด ทำให้ต้นเสี้ยวป่ามักขึ้นอยู่เป็นกลุ่ม ๆ
มากกว่าพบเป็นต้นเดี่ยว
โดยจะมีรากแก้วหยั่งลึกลงไปในดินและมีรากแขนงแตกออกโดยรอบแผ่ออกไปตามพื้นดิน
เป็นพืชที่สามารถขึ้นได้ในทุกสภาพดิน มีเขตการกระจายพันธุ์ในภูมิภาคอินโดจีน
ในประเทศไทยพบได้ทั่วไปในพื้นที่โล่ง ป่าทุ่งหญ้า ป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง
และตามป่าผลัดใบผสมเกือบทุกภาคของประเทศ ยกเว้นทางภาคใต้
ที่ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลจนถึง 800 เมตร
ใบเสี้ยวป่า
ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ ลักษณะของใบเป็นรูปไข่กว้าง ปลายใบเว้าลึกถึงครึ่งใบ
เป็น 2 พู ปลายแฉกแหลม โคนใบตัดหรือเป็นรูปหัวใจ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 5-9
เซนติเมตร และยาวประมาณ 6-10 เซนติเมตร แผ่นใบบางคล้ายกระดาษ หลังใบเกลี้ยง
ส่วนท้องใบมีขนและต่อมน้ำมันสีน้ำตาล มีเส้นแขนงใบออกจากกลางโคนใบ 9-11 เส้น
ก้านใบยาวประมาณ 2-3.5 เซนติเมตร หูใบขนาดเล็กหลุดร่วงง่าย
ดอกเสี้ยวป่า
ออกดอกเป็นช่อแบบกระจะตามซอกใบใกล้กับปลายกิ่ง
ลักษณะเป็นดอกแบบแยกเพศอยู่ต่างต้นกัน มีดอกย่อยหนาแน่นเป็นพวง ยาวได้ถึง 7 เซนติเมตร ดอกย่อยเมื่อบานเต็มที่จะมีขนาดกว้างประมาณ 1-1.4 เซนติเมตร ดอกเป็นสีขาว สีขาวแกมชมพู
หรือสีชมพูอ่อน มีกลีบดอก 5 กลีบ
ลักษณะเป็นรูปไข่กลับ หรือรูปขอบขนาน ปลายมน ขนาดเท่ากัน
กลีบเลี้ยงมีลักษณะคล้ายกาบปลายแยกเป็น 2 แฉก
ดอกเพศผู้ที่ไม่เป็นหมันจะมีเกสรเพศผู้ 10 อัน
ยื่นออกมาภายนอกดอก 5 อัน ส่วนที่เหลือมีความยาวเป็นครึ่งหนึ่งและอยู่ภายในดอก
ไม่มีเกสรเพศเมีย ส่วนดอกเพศเมียจะมีเกสรเพศผู้ที่เป็นหมันคล้ายเส้นด้าย 10 อัน และมีเกสรเพศเมีย 1 อัน
อยู่เหนือวงกลีบ รังไข่มีขน โดยจะออกดอกในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนพฤษภาคม
ผลเสี้ยวป่า
ผลมีลักษณะเป็นฝักรูปดาบ ผิวเรียบ ช่วงปลายกว้างและโค้งงอ ปลายผลแหลม
ฝักมีขนาดกว้างประมาณ 2-2.5 เซนติเมตร และยาวประมาณ 7-14 เซนติเมตร
เมื่อฝักแก่เต็มที่จะแตกออก ภายในฝักมีเมล็ดประมาณ 3-5 เมล็ด เมล็ดมีลักษณะแบน
เป็นผลในช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนกรกฎาคม
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ
ประโยชน์และสรรพคุณของต้นเสี้ยวป่า คลิกที่นี่
เอกสารอ้างอิง
1.หนังสือสมุนไพรในอุทยานแห่งชาติภาคเหนือ. (พญ.เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ). “เสี้ยวป่า”.
หน้า 184.
หนังสือพรรณไม้สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เล่ม 7. “เสี้ยวป่า”.
2.ศูนย์ปฏิบัติการโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติฯ, กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช. “เสี้ยวป่า, ชงโคป่า”. [ออนไลน์].
เข้าถึงได้จาก : www.goldenjubilee-king50.com. [07 ต.ค. 2014].
3.งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน โรงเรียนน้ำดิบวิทยาคม. “เสี้ยวป่า”.
[ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.ndk.ac.th. [07 ต.ค. 2014].
4. medthai.com. “เสี้ยวป่า
สรรพคุณและประโยชน์ของต้นเสี้ยวป่า 3 ข้อ ! “ [ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก https://medthai.com/เสี้ยวป่า/ [19/04/2019]
ภาพประกอบ : www.flickr.com (by Kukiat
Tanteeratarm), www.facebook.com/pages/Plants/111574952278668
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น