ชื่อสามัญ: Almond-wood, Chickrassy
Chittagong-wood
ยมหิน ชื่อวิทยาศาสตร์ Chukrasia
tabularis A.Juss. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Chukrasia
velutina M.Roem.) จัดอยู่ในวงศ์กระท้อน (MELIACEAE)
สมุนไพรยมหิน มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ: ฝักดาบ (จันทบุรี), เสียดกา
(ปราจีนบุรี), เสียดค่าย (สุราษฎร์ธานี), ยมขาว (ภาคเหนือ), มะเฟืองต้น มะเฟืองช้าง
ยมหิน สะเดาหิน สะเดาช้าง (ภาคกลาง), ช้ากะเดา (ภาคใต้),
มะยมหลวง (ไทใหญ่), โค้โย่ง
(กะเหรี่ยง-เชียงใหม่), ริ้งบ้าง รี
(กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), ลำชา (ลั้วะ), ตุ๊ดสะเต๊ะ (ขมุ) เป็นต้น
Note : ต้นยมหินเป็นต้นไม้ที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
พระบรมราชินีนาถพระราชทานเพื่อปลูกเป็นไม้มงคลประจำจังหวัดแพร่
ลักษณะของต้นยมหิน
- ต้นยมหิน จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่
เป็นไม้ผลัดใบแต่ผลิใบใหม่เร็ว เรือนยอดเป็นทรงพุ่มรูปกรวยต่ำ
มีความสูงของต้นประมาณ 15-25 เมตร ลำต้นเปลาตรง
มีพูพอนที่โคนต้น เปลือกต้นเป็นสีน้ำตาลคล้ำ สีเทา หรือสีเทาปนดำ เปลือกต้นแตกเป็นสะเก็ดรูปสี่เหลี่ยมเมื่อมีอายุมากขึ้น
แตกเป็นร่องลึกตามยาวของลำต้น เปลือกชั้นในเป็นสีแดงออกน้ำตาลหรือสีชมพู
ส่วนกระพี้เป็นสีเหลืองคล้ายฟางข้าว และแก่นไม้เป็นสีเหลืองเข้มถึงสีน้ำตาล
กิ่งอ่อน ใบอ่อน และช่อดอกมีขนนุ่ม ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ด
เจริญเติบโตได้ดีในสภาพดินทุกชนิด ต้องการน้ำและความชุ่มชื้นปานกลาง
จัดเป็นไม้กลางแจ้ง พบได้ตามป่าเบญจพรรณแล้งและชื้นทั่วไป ป่าดิบแล้ง
และป่าผลัดใบผสม ที่ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 300-800 เมตร มีเขตการกระจายพันธุ์จากอินเดียถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
แต่ในปัจจุบันนี้มีจำนวนที่พบได้ในธรรมชาติลดลงเป็นอย่างมาก
เนื่องจากเดิมทีแล้วต้นยมหินเป็นพรรณไม้ที่ขึ้นตามป่า
มีการกระจัดกระจายไปตามภาคต่าง ๆ ในประเทศไทย
แต่ในปัจจุบันเกิดปัญหาการบุกรุกป่าและการเสื่อมของดิน
ทำให้ต้นยมหินได้รับผลกระทบไปด้วย
- ใบยมหิน ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกออกเยื้องกันเล็กน้อย
ก้านใบยาวประมาณ 30-60 เซนติเมตร มีใบย่อยประมาณ 6-20
คู่ จัดเรียงตัวกันแบบสลับ แต่ใบย่อย 2 คู่แรกจะเรียงตัวกันแบบตรงข้าม
ลักษณะของใบย่อยเป็นรูปรี รูปไข่ หรือรูปขอบขนาน ปลายใบแหลม โคนใบมนหรือกลม
ส่วนขอบใบเรียบ ใบย่อยมีขนาดกว้างประมาณ 3.5-6.5 เซนติเมตรและยาวประมาณ
10-17.5 เซนติเมตร หลังใบเรียบเป็นมัน ท้องใบมีขนอ่อนนุ่ม
2 ชนิด ชนิดแรกเป็นขนยาว ปลายแหลม อ่อนนุ่ม
ส่วนอีกชนิดจะมีจำนวนน้อยกว่าและสั้นกว่า มีลักษณะปลายขนมนแข็งกว่าชนิดแรก
ขึ้นปกคลุมด้านหลังใบเป็นจำนวนมาก ก้านใบยาวประมาณ 2-8 มิลลิเมตร
- ดอกยมหิน ออกดอกเป็นช่อตามมุมกิ่งอ่อนหรือตามปลายยอด
ปลายช่อห้อยลง มีความยาวประมาณ 10-30 เซนติเมตร
กิ่งหลักของช่อดอกยาวประมาณ 16 เซนติเมตร
ส่วนกิ่งย่อยยาวประมาณ 4 เซนติเมตร
ดอกนมหินมีขนาดเล็กและมีกลิ่นหอม มีความยาวประมาณ 1.5 เซนติเมตร
เป็ดดอกชนิดมีเพศเดียวและดอกแบบสมบูรณ์เพศ มีใบประดับขนาดประมาณ 2-7 มิลลิเมตร ลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมแคบ และจะหลุดร่วงไปเมื่อดอกบาน
ก้านดอกยาวประมาณ 3-4 มิลลิเมตร
อยู่ติดกับก้านดอกเทียมซึ่งยาวประมาณ 2 มิลลิเมตร
และอยู่ติดกับกลีบเลี้ยงซึ่งเป็นสีเขียวออกม่วงหรือสีแดง มีกลีบ 4-5 กลีบ มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2.5-3.5 มิลิเมตร
กลีบเลี้ยงดอกมีปลายมน ส่วนกลีบดอกมีกลีบ 4-5 กลีบ
แยกจากกันอย่างอิสระ โดยจะมีความยาวมากกว่ากลีบเลี้ยง หรือยาวประมาณ 12-20 มิลลิเมตร มีรูปร่างเป็นแผ่นยาวแคบ ปลายมน
เป็นสีเขียวอ่อนหรือสีเหลืองปนสีม่วง มีขนสั้น ๆ ขึ้นปกคลุมอยู่ทั่วทั้งกลีบดอก
ก้านชูเกสรเพศผู้มีลักษณะเป็นรูปทรงกระบอก ปลายเรียวแคบ ขอบหยักเล็กน้อย
เกสรเพศผู้ติดอยู่บนขอบทรงกระบอกนี้ ไม่มีขน มีสีเหมือนกลีบดอก มีรูปทรงแบบขอบขนาน
ยาวประมาณ 1 มิลลิเมตร ส่วนรังไข่จะอยู่เหนือวงกลีบ
เป็นรูปทรงคล้ายแจกัน ภายในมีช่องประมาณ 3-5 ช่อง
ในแต่ละช่องจะมีไข่เป็นจำนวนมาก ส่วนก้านชูเกสรเพศเมียจะมีลักษณะยาวแคบ
ส่วนปลายมีรอยหยัก แบ่งออกเป็น 3-5 หยัก มีน้ำเหนียว ๆ
และมีขนอ่อนนุ่มปกคลุม เรณูมีลักษณะเป็นเรณูเดี่ยวขนาดเล็ก
เรณูมีขั้วและได้สัดส่วนกันทุกด้าน
ขนาดความยาวของแนวแกนระหว่างขั้วต่อความกว้างของแนวแก่นเส้นศูนย์สูตรเฉลี่ยเท่ากับ
21:19.74 ไมโครมิเตอร์ รูปทรงของเรณูเป็นแบบ prolate-spheroidal
มีช่องเปิดแบบผสมจำนวน 4 ช่อง
และมีผนังเรณูเป็นแบบร่างแห ออกดอกในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์
- ผลยมหิน ผลออกเป็นพวง
ลักษณะของผลเป็นรูปทรงรีหรือรูปไข่ ผลเป็นแบบผลแห้งมีเปลือกแข็งสีน้ำตาล
ปลายผลเป็นติ่งแหลม ผลมีขนาดยาวประมาณ 2.5-5 เซนติเมตร
มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1.8-4 เซนติเมตร
ผลเป็นสีน้ำตาล เมื่อสุกจะเปลี่ยนสีดำ เมื่อแห้งหรือแก่จะแตกเป็น 3-5 เสี่ยง ภายในผลแบ่งออกเป็นช่องประมาณ 3-5 ช่อง
มีเมล็ดลักษณะแบน เป็นแผ่นบาง ๆ สีน้ำตาล มีความยาวเป็น 2 เท่าของความกว้าง โดยมีขนาดกว้างประมาณ 0.4-1.0 เซนติเมตรและยาวประมาณ 0.8-1.8 เซนติเมตร
ในแต่ละช่องของผลจะมีเมล็ดอยู่ประมาณ 60-100 เมล็ด
ซึ่งการเรียงตัวของเมล็ดยมหินจะเรียงตัวกันแบบสลับกันระหว่างส่วนหัวและปลายเมล็ดที่อยู่ในช่องแต่ละช่อง
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ
ประโยชน์และสรรพคุณของต้นยมหิน คลิกที่นี่
แหล่งอ้างอิง: หนังสือสมุนไพรในอุทยานแห่งชาติภาคกลาง. “ยมหิน”.
(พญ.เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ, ดร.นิจศิริ
เรืองรังษี, กัญจนา ดีวิเศษ). หน้า 131.
สำนักความหลากหลายทางชีวภาพ
สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม.
“พรรณไม้ประจำจังหวัด”. [ออนไลน์].
เข้าถึงได้จาก: chm-thai.onep.go.th. [21 พ.ค. 2014].
หนังสือพรรณไม้สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
เล่ม 4.
“ยมหิน”.
โครงการเผยแพร่ข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพื้นที่สูง, สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์การมหาชน). “ยมหิน”. อ้างอิงใน:
หนังสือชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย (เต็ม สมิตินันทน์). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: eherb.hrdi.or.th.
[21 พ.ค. 2014].
พืชสมุนไพรโตนงาช้าง. “ยมหิน”.
[ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: paro6.dnp.go.th/web_km/พืชสมุนไพรโตนงาช้าง/. [21 พ.ค. 2014].
ระบบจัดการฐานความรู้ด้านความหลากหลายทางชีวภาพ
สำนักงานความหลากหลายทางชีวภาพด้านป่าไม้ กรมป่าไม้.
“ยมหิน”. [ออนไลน์].
เข้าถึงได้จาก: biodiversity.forest.go.th. [21 พ.ค. 2014].
รายชื่อพรรณไม้ (ป่า) ในประเทศไทย, เครือข่ายวิจัยนิเวศวิทยาป่าไม้ประเทศไทย, สำนักงานเครือข่ายการวิจัยนิเวศวิทยาป่าไม้
ภาควิชาชีววิทยาป่าไม้ คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. “ยมหิน”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: t-fern.forest.ku.ac.th. [21 พ.ค. 2014].
medthai.com."ยมหิน สรรพคุณและประโยชน์ของต้นยมหิน
5 ข้อ ! ".[ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก https://medthai.com/ยมหิน [09/04/2019]
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น